Month: กรกฎาคม 2022

ใช้ชีวิตเช่นคนที่ได้รับการรักษา

พี่น้องสองคนจากอินเดียเกิดมาตาบอด พ่อของทั้งสองทำงานหนักแต่ก็ไม่เคยมีเงินพอที่จะให้ลูกสาวได้ผ่าตัดเพื่อจะมองเห็น จนกระทั่งเมื่อมีทีมแพทย์เดินทางมาปฏิบัติภารกิจระยะสั้นในแถบที่เขาอาศัยอยู่ วันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด เด็กหญิงยิ้มกว้างขณะพยาบาลแกะผ้าพันแผลออกให้ เด็กคนหนึ่งร้องว่า “แม่ หนูมองเห็น! หนูมองเห็น!”

ชายคนหนึ่งเป็นง่อยแต่กำเนิดนั่งอยู่ที่ประจำตรงประตูพระวิหารเพื่อขอทาน เปโตรบอกชายนั้นว่าท่านไม่มีเงินทองแต่มีสิ่งที่ดีกว่า และพูดว่า “ในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงเดินเถิด” (กจ.3:6) ชายนั้น “กระโดดขึ้นยืนและเดินเข้าไปในพระวิหาร...เต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าไป” (ข้อ 8)

ทั้งสองคนพี่น้องและชายคนนี้เห็นคุณค่าในดวงตาและขาของตนมากกว่าคนที่ไม่เคยตาบอดหรือเป็นง่อยมาก่อน เด็กหญิงทั้งสองไม่ยอมหยุดกะพริบตาด้วยความอัศจรรย์ใจและความชื่นชมยินดี และชายคนนั้น “กระโดดขึ้นยืน”

ลองใคร่ครวญถึงความสามารถตามธรรมชาติของคุณดู หากเป็นคุณที่ได้รับการรักษาอย่างอัศจรรย์ คุณจะชื่นชมความสามารถนั้นมากขึ้นแค่ไหน และจะใช้มันให้แตกต่างจากที่เป็นอยู่อย่างไร ลองใคร่ครวญดูว่า ถ้าคุณเชื่อในพระเยซู พระองค์ก็ได้ทรงรักษาคุณแล้วฝ่ายจิตวิญญาณ พระองค์ทรงช่วยชีวิตคุณให้รอดพ้นจากบาป

ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงสร้างและช่วยกู้เรา ให้เรามอบถวายทุกสิ่งที่พระเจ้าประทานคืนแก่พระองค์

พระเจ้าทรงเห็นคุณ

เช้าตรู่อาจเป็นเวลาที่เจ็บปวดสำหรับอัลม่าเพื่อนของฉันผู้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวของลูกสองคน เธอบอกว่า “เวลาที่ทุกอย่างเงียบสงบ ความวิตกจะปรากฏขึ้น เวลาที่ฉันทำงานบ้าน ฉันกังวลเรื่องการเงิน และสุขภาพและการเรียนของลูกๆ”

เมื่อสามีทิ้งเธอไป อัลม่าแบกรับหน้าที่เลี้ยงดูลูกด้วยตัวคนเดียว “มันยาก” เธอบอก “แต่ฉันรู้ว่าพระเจ้าทรงเห็นฉันและครอบครัวของฉัน พระองค์ประทานกำลังให้ฉันสามารถทำงานสองแห่ง ทรงจัดเตรียมสำหรับความจำเป็นของพวกเรา และทรงให้ลูกๆของฉันมีประสบการณ์กับการทรงนำของพระองค์ในแต่ละวัน”

ฮาการ์ สาวใช้ชาวอียิปต์เข้าใจความหมายของการที่พระเจ้าทรงมองเห็นนาง หลังจากตั้งครรภ์กับอับราม นางเริ่มดูหมิ่นซาราย (ปฐก.16:4) ผู้ตอบโต้ด้วยการข่มเหงนาง ทำให้นางต้องหนีไปในทะเลทราย ฮาการ์ต้องอยู่ตัวคนเดียว เผชิญกับอนาคตที่มืดมนและสิ้นหวังสำหรับตนเองและลูกในครรภ์

แต่ในทะเลทรายนั้นเอง “ทูตพระเจ้า” (ข้อ 7) พบเธอและกล่าวว่า “พระเจ้าทรงรับฟังความทุกข์ร้อนของเจ้า” (ข้อ 11) ทูตพระเจ้าบอกฮาการ์ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป และรับรองเรื่องอนาคตของเธอ จากเรื่องของฮาการ์เราได้รู้จักหนึ่งในพระนามของพระเจ้า คือ เอล โรอี “พระเจ้าผู้ทอดพระเนตรเห็นข้าพระองค์” (ข้อ 13 TNCV)

คุณอาจกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ยากลำบาก รู้สึกหลงทางและโดดเดี่ยวเหมือนกับฮาการ์ แต่จงจำไว้ว่าแม้ในที่รกร้างว่างเปล่า พระเจ้าทรงเห็นคุณ จงยื่นแขนออกหาพระองค์ และวางใจให้พระองค์ทรงนำคุณไป

การค้นพบครั้งสำคัญ!

ในปี 2021 ขณะดำน้ำลึก ตาของเจนนิเฟอร์จับจ้องไปที่ขวดเล็กสีเขียวที่จมอยู่ก้นแม่น้ำ เธอเก็บสิ่งที่เธออธิบายว่าเป็น “การค้นพบครั้งเดียวในชีวิต” ขึ้นมา ภายในขวดนั้นบรรจุข้อความที่เขียนโดยชายหนุ่มในวันเกิดอายุ 18 ปี ของเขาในปี 1926! ข้อความนั้นขอให้ผู้ที่ค้นพบนำมันมาคืนให้เขา เจนนิเฟอร์ใช้เฟซบุ๊กเพื่อตามหาจนพบครอบครัวของชายคนนั้น แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 1995 แต่ข้อความของเขาที่ซ่อนไว้ได้นำความชื่นชมยินดีมายังเจนนิเฟอร์และครอบครัวของเขา

ใน 2 พงศ์กษัตริย์ 22:8 เราอ่านพบว่าฮีลคียาห์มีการค้นพบที่สำคัญเมื่อเขา “​พบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของพระเจ้า” ตามคำสั่งของกษัตริย์โยสิยาห์ที่ให้ “ซ่อมแซมพระนิเวศ” (ข้อ 5) มหาปุโรหิตได้พบสิ่งที่น่าจะเป็นหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ “เมื่อพระราชาได้ฟังถ้อยคำของธรรมบัญญัติ” ​พระองค์ทั้งสะเทือนพระทัยและเป็นทุกข์ยิ่งนัก (ข้อ 11) เช่นเดียวกับพระนิเวศในยูดาห์ ประชาชนได้ละเลยพระเจ้าและการอ่านและการเชื่อฟังพระวจนะที่พระเจ้าทรงบันดาลใจให้มีผู้เขียนไว้ กษัตริย์ทรงกลับใจและสั่งให้กำจัดรูปเคารพและสิ่งใดๆที่จะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย เพื่อเป็นการปฏิรูปประเทศของพระองค์ (23:1-24)

ทุกวันนี้ พระคัมภีร์ของเราประกอบไปด้วยหนังสือหกสิบหกเล่มที่เปิดเผยถึงพระปัญญาและคำสอนของพระเจ้า รวมถึงหนังสือธรรมบัญญัติด้วย เมื่อเราอ่านและฟัง ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปลี่ยนความคิดและปรับปรุงวิถีของเรา จงดำดิ่งสู่เรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงชีวิตในพระคัมภีร์วันนี้ และพบกับปัญญาเพื่อการสำรวจค้นหาตลอดชีวิต!

ขนมแห่งความถ่อมใจ

ขนมมันฝรั่งทอดกรอบถุงเล็ก แต่สอนบทเรียนสำคัญให้แก่มิชชันนารีชาวอเมริกันคนหนึ่ง ขณะทำงานอยู่ในสาธารณรัฐโดมินิกัน เย็นวันหนึ่งเธอมาถึงการประชุมที่คริสตจักรและแกะถุงมันฝรั่งทอดออกขณะที่หญิงคนหนึ่งที่แทบจะไม่รู้จักกันเอื้อมมือมาหยิบไปสองสามชิ้น คนอื่นๆก็ทำเหมือนกัน

ไม่มีมารยาท มิชชันนารีคนดังกล่าวคิด แล้วเธอก็ตระหนักถึงบทเรียนแห่งความถ่อมใจ เธอยังไม่เข้าใจวัฒนธรรมของคนที่เธอมาเพื่อจะรับใช้ แทนที่จะให้ความสำคัญกับความเป็นปัจเจกเหมือนในสหรัฐอเมริกา เธอได้เรียนรู้ว่าชีวิตในสาธารณรัฐโดมินิกันคือการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน ผู้คนมีความสัมพันธ์กันผ่านการแบ่งปันอาหารและสิ่งของ วิถีของเธอไม่ได้ดีกว่าของพวกเขา แต่แค่แตกต่าง เธอสารภาพว่า “ฉันรู้สึกถ่อมใจลงมากเมื่อได้รู้จักตัวเองในมุมนี้” ขณะเริ่มรับรู้ถึงอคติของตนเอง เธอก็ได้เรียนรู้เช่นกันว่า การแบ่งปันอย่างถ่อมใจกับผู้อื่นช่วยให้เธอรับใช้พวกเขาได้ดียิ่งขึ้น

เปโตรสอนบทเรียนนี้แก่ผู้นำคริสตจักร คือ จงปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความถ่อมใจ ท่านแนะนำบรรดาผู้ใหญ่ไม่ให้ “เป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ” (1 ปต.5:3) ส่วนผู้ที่อ่อนอาวุโส “ก็จงเชื่อฟังคำของพวกผู้ใหญ่ อันที่จริงให้ท่านทุกคนมีความถ่อมใจ​” (ข้อ 5) ท่านประกาศว่า “พระเจ้าทรงเป็นปฏิปักษ์กับคนเหล่านั้นที่ถือตัวจองหอง แต่พระองค์ทรงสำแดงพระคุณแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน” ดังนั้น “จงถ่อมใจลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะได้ทรงยกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร” (ข้อ 6) ขอพระเจ้าโปรดช่วยเราทั้งหลายในวันนี้ให้มีชีวิตที่ถ่อมลงต่อพระองค์และผู้อื่น

แขกที่ไม่ต้องการ

ไคล์และอัลลิสันไปฮันนีมูนสุดวิเศษที่ต่างประเทศ แต่เมื่อทั้งสองกลับบ้าน พวกเขาพบว่าเท้าของไคล์ขึ้นผื่นคันลักษณะประหลาด ทั้งสองถูกส่งไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ และได้รู้ว่าปรสิตขนาดเล็กได้เจาะไชเข้าไปในเท้าของไคล์ผ่านตุ่มพองที่เกิดจากรองเท้าแตะคู่ใหม่กัด จากฮันนีมูนในฝันจบลงที่การต่อสู้กับ “แขก” ที่ไม่ต้องการ

ดาวิดรู้ว่าหากท่านไม่ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการต่อสู้กับบาป ความฝันที่จะมีชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัยจะกลับกลายเป็นการต่อสู้กับแขกที่ไม่ต้องการคือบาปและการกบฏ หลังจากที่ประกาศว่าธรรมชาติได้เปิดเผยให้เห็นถึงพระเจ้า (สดด.19:1-6) และพระปัญญาของพระองค์พบได้ในกฏเกณฑ์ของพระองค์ (ข้อ 7-10) ดาวิดทูลขอให้พระเจ้าปกป้องท่านจากความประมาท ความเย่อหยิ่ง และการไม่เชื่อฟังโดยเจตนาว่า “ขอพระองค์ทรงชำระข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดที่ซ่อนเร้นอยู่ ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์ให้พ้นจากบาปโดยประมาทนั้นด้วยเถิด” (ข้อ 12-13) โดยรู้ตัวว่าในฐานะมนุษย์ ท่านไม่สามารถป้องกันตนเองจากโรคติดต่อแห่งบาปได้ ท่านจึงเลือกอย่างชาญฉลาดที่จะขอการช่วยเหลือจากพระเจ้า

เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าความฝันของเราที่จะใช้ชีวิตอย่างถวายเกียรติแด่พระเจ้าจะไม่ถูกความบาปปล้นชิงเอาไป ขอให้เราจับตามองที่พระเจ้า สารภาพและกลับใจจากบาป และแสวงหาความช่วยเหลือจากเบื้องบนในการป้องกันไม่ให้ปรสิตฝ่ายวิญญาณที่เราไม่ต้องการเจาะไชเข้ามาในชีวิตของเราได้

ความเมตตาเดินทาง

คุณอาจเริ่มต้นการเดินทางจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาในเมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นที่ชื่อ Why (ทำไม) ในรัฐแอริโซน่า การเดินทางข้ามประเทศจะนำคุณผ่านเมือง Uncertain (ไม่แน่ใจ) รัฐเท็กซัส ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือคุณจะได้หยุดพักที่เมือง Dismal (จืดชืด) รัฐเทนเนสซี ในที่สุดคุณจะถึงจุดหมายที่เมือง Panic (ตื่นตระหนก) รัฐเพนซิลเวเนีย เหล่านี้คือสถานที่จริงของอเมริกา แม้จะไม่น่าเป็นการเดินทางที่คุณอยากจะไป

บางครั้งการเดินทางของชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เราเข้าใจได้โดยง่ายถึงชีวิตที่ทุกข์ยากของชนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร (ฉธบ.2:7) ชีวิตอาจจะยาก แต่เรามองเห็นเส้นขนานอีกเส้นหนึ่งไหม เรากำหนดแผนการเดินทางของเราเองโดยหันไปจากทางของพระเจ้า (1:42-43) เราทำเหมือนชนชาติอิสราเอลที่มักจะบ่นเรื่องความต้องการของตนเอง (กดว.14:2) ความหงุดหงิดในแต่ละวันทำให้เราสงสัยในพระประสงค์ของพระเจ้า (ข้อ 11) เรื่องราวของชนชาติอิสราเอลเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชีวิตของเรา

พระเจ้าทรงรับรองกับเราว่าถ้าเราเดินตามทางของพระองค์ พระองค์จะทรงนำเราไปถึงสถานที่ที่ดีกว่าเมืองอันจืดชืด พระองค์จะทรงจัดเตรียมให้ และเราจะไม่ขัดสนสิ่งใดเลย (ฉธบ.2:7; ฟป.4:19) แต่แม้เราจะรู้ข้อนี้ดี เราก็มักจะไม่ทำตาม เราจำเป็นต้องทำตามแผนการของพระเจ้า

ถ้าขับรถยนต์ต่อไปอีกสักหน่อยประมาณหกชั่วโมง คุณจะได้ออกจากเมือง Panic (ตื่นตระหนก) ไปยังเมือง Assurance (ความมั่นใจ) รัฐเวสต์เวอร์จิเนียถ้าเรายอมให้พระเจ้าทรงนำทางเดินของเรา (สดด.119:35) เราจะได้เดินทางด้วยความชื่นชมยินดีโดยมีพระองค์เป็นผู้ควบคุมดูแล ช่างเป็นความมั่นใจอันแน่นอนจริงๆ!

หากไม่มีความรักก็ไร้ประโยชน์

หลังจากนำเอาชิ้นส่วนของโต๊ะที่สั่งทำพิเศษออกจากกล่องมาวางเรียงไว้ตรงหน้า ฉันสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ส่วนหน้าโต๊ะที่สวยงามและชิ้นส่วนอื่นๆดูเรียบร้อยดี แต่ขาดขาโต๊ะไปหนึ่งข้าง ถ้าขาโต๊ะไม่ครบ ฉันก็ประกอบไม่ได้ โต๊ะตัวนี้ก็ไร้ประโยชน์

ไม่ได้มีแค่โต๊ะเท่านั้นที่จะไร้ประโยชน์เมื่อขาดชิ้นส่วนสำคัญไป ในพระธรรม 1 โครินธ์ เปาโลเตือนผู้อ่านของท่านว่าพวกเขากำลังขาดองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งไป ผู้เชื่อมีของประทานฝ่ายวิญญาณมากมายแต่ขาดความรัก

เปาโลใช้ภาษาเกินจริงเพื่อเน้นประเด็นของท่านว่า แม้ผู้อ่านของท่านจะมีความรู้ทั้งสิ้น แม้พวกเขาจะสละของสารพัดที่มี และแม้พวกเขาจะเต็มใจยอมทนทุกข์ยากลำบาก แต่ถ้าไม่มีรากฐานสำคัญคือความรัก การกระทำของพวกเขาก็ไม่มีค่าอะไรเลย (1 คร.13:1-3) เปาโลหนุนน้ำใจให้พวกเขาใส่ความรักลงไปในการกระทำเสมอ โดยบรรยายถึงความงดงามของความรักที่จะปกป้องเชื่อในส่วนดี มีความหวัง และทนต่อทุกอย่าง (ข้อ 4-7)

เวลาที่เราใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณของเรา ไม่ว่าจะในการสอน การหนุนน้ำใจ หรือการรับใช้พี่น้องผู้เชื่อ ขอให้ระลึกไว้ว่าสิ่งที่พระเจ้าทรงออกแบบนั้นต้องประกอบไปด้วยความรักเสมอ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราทำก็จะเป็นเหมือนโต๊ะที่มีขาไม่ครบ ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ถูกออกแบบมา

ทั้งครอบครัว

เจมส์ในชุดนักโทษลายทาง เดินข้ามห้องออกกำลังกายที่อบอ้าวแล้วปีนเข้าไปในสระน้ำสำเร็จรูปที่ซึ่งอนุศาสกประจำเรือนจำได้ให้บัพติศมาแก่เขา ความสุขของเจมส์เพิ่มทวีคูณเมื่อได้ยินว่า บริตทานีผู้เป็นลูกสาวและเป็นผู้ต้องขังเช่นกัน ได้รับบัพติศมาในวันเดียวกัน...ในน้ำเดียวกัน! เมื่อพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้แต่เจ้าหน้าที่ต่างก็ซาบซึ้งใจ “ไม่มีตาคู่ใดที่ปราศจากน้ำตา” อนุศาสกกล่าว หลังจากเข้าออกคุกเป็นเวลาหลายปี บริตทานีกับพ่อของเธอต่างต้องการการยกโทษจากพระเจ้า และพระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้ทั้งคู่พร้อมกัน

พระคัมภีร์บรรยายถึงการเผชิญหน้าในคุกอีกแบบหนึ่ง ครั้งนี้เป็นเรื่องของนายคุกที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยความรักของพระเยซูทั้งครอบครัว หลังเกิด “แผ่นดินไหวใหญ่” ที่สะเทือนสะท้านคุกและ “ประตูคุกเปิดหมดทุกบาน” เปาโลกับสิลาสไม่ได้หนีแต่ยังคงอยู่ในคุก (กจ.16:26-28) นายคุกเต็มล้นด้วยความซาบซึ้งใจที่พวกเขาไม่หนีไปจึงพาพวกเขาไปที่บ้าน และในที่สุดได้ถามคำถามที่เปลี่ยนแปลงชีวิตว่า “ข้าพเจ้าจะต้องทำอย่างไรจึงจะรอดได้” (ข้อ 30)

“จงเชื่อและวางใจในพระเยซูเจ้า” พวกเขาตอบ “ทั้งครอบครัวของท่านด้วย” (ข้อ 31) คำตอบนี้เผยให้เห็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ต้องการเทพระเมตตาลงมา ไม่เพียงแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่ทั้งครอบครัวของเขาด้วย เมื่อได้พบกับความรักของพระเจ้า พวกเขาทุกคนทั้ง “ตัวเขา [นายคุก] และทุกคนในครอบครัว...ได้มาเชื่อพระเจ้า” (ข้อ 34 TNCV) แม้เรามักจะปรารถนาอย่างยิ่งให้คนที่เรารักได้รับความรอด แต่เราเชื่อวางใจได้ว่าพระเจ้าทรงรักพวกเขามากกว่าที่เรารัก พระองค์ทรงปรารถนาจะสร้างพวกเราทุกคนขึ้นใหม่ รวมทั้งครอบครัวของเราด้วย

เบ่งกล้ามแห่งความเชื่อ

ระหว่างเที่ยวชมสวนสัตว์ ฉันหยุดพักอยู่ใกล้กับจุดแสดงสลอธ เจ้าสัตว์ตัวนี้ห้อยตัวกลับหัว มันดูพอใจที่จะอยู่นิ่งๆ ฉันถอนหายใจเพราะปัญหาสุขภาพทำให้ฉันทนทุกข์กับการต้องอยู่นิ่งๆ และปรารถนาที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อทำบางสิ่ง อะไรก็ได้ ฉันหงุดหงิดกับข้อจำกัดของตัวเองและรอคอยที่จะได้หลุดพ้นจากความรู้สึกอ่อนแอนี้ แต่ขณะที่เฝ้ามองเจ้าสลอธ ฉันสังเกตว่ามันเหยียดแขนข้างหนึ่งไปจับกิ่งไม้ใกล้ๆแล้วก็หยุดอีกครั้ง การอยู่นิ่งก็ต้องใช้พลัง หากฉันต้องการจะพึงพอใจกับการเคลื่อนไหวช้าๆ หรือการอยู่นิ่งเหมือนสลอธ ฉันจำเป็นต้องใช้มากกว่าพละกำลังอันน่าทึ่งของกล้ามเนื้อ ฉันจำเป็นต้องใช้พลังที่เหนือธรรมชาติ เพื่อจะวางใจพระเจ้าในทุกช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าในชีวิต

ในสดุดี 46 ผู้เขียนประกาศว่าพระเจ้าไม่เพียงประทานกำลังแก่เรา พระองค์ทรงเป็นกำลังของเราด้วย (ข้อ 1) ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นรอบกายเรา “พระเจ้าจอมโยธาสถิตกับเราทั้งหลาย” (ข้อ 7) ผู้เขียนสดุดีย้ำความจริงนี้ด้วยความมั่นใจ (ข้อ 11)

เช่นเดียวกับสลอธ การผจญภัยในแต่ละวันของเรามักจำเป็นต้องก้าวอย่างช้าๆ และมีช่วงเวลาที่ต้องนิ่งสงบแม้จะดูเป็นไปไม่ได้ เมื่อเราวางใจในพระลักษณะอันไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้า เราก็สามารถพึ่งพาในพระกำลังของพระองค์ได้ ไม่ว่าจะทรงกำหนดแผนการหรือจังหวะก้าวเดินเช่นไรให้แก่เรา

แม้เราอาจยังต้องต่อสู้กับความทุกข์ยากหรือทนทุกข์กับการรอคอยต่อไป แต่พระเจ้ายังคงสถิตอยู่ด้วยอย่างสัตย์ซื่อ แม้ขณะที่เราไม่รู้สึกถึงความเข้มแข็ง พระองค์จะทรงช่วยเราเบ่งกล้ามแห่งความเชื่อของเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา